สารบัญเนื้อหา
การบริจาคเลือด หรือ การบริจาคโลหิต คือการสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายยังไม่จำเป็นให้กับผู้ป่วย ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริจาค โดย 1 คนจะบริจาคโลหิต ครั้งละ 350 – 450 ซีซีหรือคิดเป็นร้อยละ 10 – 12 ของปริมาณโลหิตทั้งหมดในร่างกาย และสามารถบริจาคโลหิตได้ทุก 3 เดือน เมื่อบริจาคโลหิตออกไปแล้ว ไขกระดูกจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทน ทำให้มีปริมาณโลหิตในร่างกายเท่าเดิม หากไม่ได้บริจาค ร่างกายจะขับเม็ดโลหิตที่สลายตัว เพราะหมดอายุ ซึ่งเลือด หรือ โลหิต เป็นสิ่งที่จำเป็น และมีความสำคัญในการใช้รักษาผู้ป่วย การบริจาคเลือดเป็นวิธีการช่วยชีวิตผู้อื่นที่ดีที่สุดที่คนทั่วไปสามารถทำได้ เลือด และส่วนประกอบของเลือดมีความสำคัญในการรักษาอย่างยิ่งทั้งในผู้ป่วยที่เสียเลือดจากอุบัติเหตุ หรือมีโรคที่ทำให้ไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดได้เอง โดยเลือด และส่วนประกอบของเลือดต่างจากยารักษาโรคเนื่องจากไม่สามารถซื้อขายได้ จำเป็นต้องได้มาโดยการบริจาคเท่านั้น
ในการบริจาคเลือดนั้นก็ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ เพราะทางสภากาชาดได้มีการกำหนดคุณสมบัติ พร้อมวิธีการเตรียมตัวก่อนการบริจาคไว้ ถ้าคุณสมบัติไม่ครบ และเตรียมตัวมาไม่พร้อมก็ไม่สามารถบริจาคได้ ซึ่งคุณสมบัติของผู้จะบริจาคเลือดได้นั้นต้องมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 45 กิโลกรัมขึ้นไป มีอายุตั้งแต่ 17 – 70 ปี และต้องพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง ไม่มีประวัติป่วย เป็นโรคร้ายแรง หรือโรคติดต่อทางกระแสเลือด และไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น ใครที่อยากจะบริจาคเลือด ในบทความนี้เราก็มีจะมาแนะนำการเตรียมตัวก่อน-หลังบริจาคเลือด เพื่อให้คุณพร้อมที่จะไปบริจาคเลือดกันค่ะ
แนะนำการเตรียมตัวก่อน-หลังบริจาคเลือด
การเตรียมตัวก่อนบริจาคเลือด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 5 ชั่วโมง
- สุขภาพสมบูรณ์ทุกประการ ไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาปฏิชีวนะใด ๆ เช่น ยาแก้อักเสบ ต้องหยุดยาแล้วอย่างน้อย 7 วัน
- รับประทานอาหารประจำมื้อก่อนมาบริจาคโลหิต ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทที่มีไขมันสูง ภายใน 6 ชั่วโมง เพราะจะทำให้พลาสมาขาวขุ่นไม่สามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยได้
- น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป
- ดื่มน้ำก่อนบริจาคโลหิต 30 นาที ประมาณ 3-4 แก้ว
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนมาบริจาคโลหิตอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- งดสูบบุหรี่ ก่อน และหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง
- สวมใส่เสื้อผ้าสบาย ไม่คับจนเกินไป
การดูแลตัวเองหลังบริจาคเลือด
- หลังบริจาคโลหิตเสร็จเรียบร้อยนอนพักบนเตียง 5-10 นาที ก่อนลุกจากเตียง อาจทำให้เวียนศีรษะเป็นลมได้ ให้นอนพักสักครู่จนกระทั่งรู้สึกสบายดี จึงลุกไปดื่มน้ำ และรับประทานอาหารว่างที่จัดไว้รับรอง
- พักรับประทานอาหารว่าง และเครื่องดื่มที่เจ้าหน้าที่จัดไว้บริการ และนั่งพักอย่างน้อย 15 นาที ให้ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1 วัน
- ถ้ามีโลหิตซึมออกมาจากรอยผ้าปิดแผล ให้ใช้นิ้วมืออีกด้านหนึ่งกดลงบนผ้าก๊อซ กดให้แน่นและยกแขนสูงไว้ประมาณ 3-5 นาที หากยังไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่บริจาคโลหิตเพื่อพบแพทย์หรือพยาบาล
- หลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่บริจาคโลหิต เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการเดินไปในบริเวณที่แออัด และมีอากาศร้อนอบอ้าว
- หลีกเลี่ยงการทำซาวน่า หรือออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมาก ๆ ไม่ใช้กำลังแขนที่เจาะบริจาค เช่น ยกของหนัก เป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังการบริจาคโลหิต
- รับประทานธาตุเหล็กวันละ 1 เม็ด จนหมด ชดเชยเหล็กที่เสียไปจากการบริจาคโลหิต และป้องกันการขาดธาตุเหล็ก เพื่อให้สามารถบริจาคโลหิตได้อย่างสม่ำเสมอ
สรุป
การบริจาคเลือด นอกจากจะได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ได้ความสุขทางใจแล้ว ยังช่วยกระตุ้นไขกระดูกสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่ ช่วยต่อสู้กับภาวะเหล็กเกินตัว และช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่งได้อีกด้วย ดังนั้น ใครที่มีสุขภาพแข็งแรง มีคุณสมบัติครบตามที่สภากาชาดได้มีการกำหนด ก็สามารถไปบริจาคเลือดได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ โรงพยายาลสาขาบริจาคโลหิต ที่อยู่ใกล้กับคุณได้เลยค่ะ
เกี่ยวกับ Ricco Smart Data
Ricco Smart Data ดำเนินธุรกิจโดย บริษัท ริคโค จำกัด เราเป็นบริษัทชั้นนำที่ให้บริการ ผลิตงานสื่อสิ่งพิมพ์แบบครบวงจรมาแล้วเป็นเวลากว่า 24 ปี ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีในการทำงานสิ่งพิมพ์ไปพร้อมกับลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมตอบสนองกับความต้องการของธุรกิจ ที่มีความต้องการให้ถูกต้อง รวดเร็ว ทันสมัย เรามีความมุ่งมั่นที่จะประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีเยี่ยม จริงใจ มีคุณภาพ ให้กับลูกค้า นอกจากนี้เรายังมีประสบการณ์ด้านงาน Data Cleansing มากกว่า 10 ปี และด้านงานคีย์ข้อมูล (Data Entry) มากกว่า 5 ปี ซึ่งลูกค้าสามารถไว้วางใจ และมั่นใจได้อย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.rama.mahidol.ac.th/ , https://chulalongkornhospital.go.th/ และ https://www.princsuvarnabhumi.com/
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.freepik.com/